นายรวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MEB เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลงานในไตรมาส4/2566 น่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นจากไตรมาส 3/2566 และน่าจะเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดของปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาล (ไฮซีซัน) ของธุรกิจ ส่งผลให้ยอดผู้อ่านหนังสือออนไลน์(อีบุ๊ก) เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ประกอบกับในช่วงเดือนที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจัดกิจกรรมหนังนอกบ้าน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ MEB แบ่งเป็น กลุ่มเนื้อหาของอีบุ๊กประเภทนิยายอยู่ที่ประมาณ 75% และที่เหลือมาจากส่วนอื่นๆ อาทิ การ์ตูน ฯลฯ เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทมีเตรียมเปิดตัวฟอร์มใหม่สำหรับอ่านอีบุ๊กออนไลน์ในรูปแบบภาษาอังกฤษ(ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ 2) จากเดิมที่มีแพลตฟอร์มภาษาไทย เนื่องจากมองเป็นโอกาสในการขยายตลาดไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีผู้อ่านค่อนข้างมาก ตลอดจนจะกลายเป็นปัจจัยช่วยผลักดันการเติบโตในระยะยาว ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้บริษัทประมาณการรายได้ทั้งปี 2566 เติบโตราว10-15% จากปี 2565
ขณะที่ทิศทางผลงานปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ระดับไม่ต่ำกว่า10% เมื่อเทียบกับปี 2566 เพื่อตอบรับฐานผู้อ่านที่ขยายตัวมากขึ้น ประกอบกับแพลตฟอร์มใหม่และคอนเทนต์ต่างๆ ที่มากขึ้นต่อเนื่อง
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อ MEB เพราะบริษัทประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มวรรณกรรมออนไลน์ที่รู้จักในหมู่นักอ่านมีแพลตฟอร์ม readAwrite เป็นเหมือนต้นน้ำของธุรกิจที่สมาชิกสามารถสร้างคอนเทนต์หรือเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม เป็นการนำเสนอนิยายแบบเป็นตอนๆ และนิยายแชท ทำให้ MEB มีคอนเทนต์เป็นของตัวเอง และมีแพลตฟอร์ม MEB เป็นปลายน้ำของธุรกิจ สามารถให้นักเขียนอิสระและสำนักพิมพ์มาลงขายหนังสือรวมถึงนำคอนเทนต์ที่จบแล้วจาก readAwrite มาวางขาย
นอกจากนี้ MEB มีการซื้อลิขสิทธิ์หนังสือมาเผยแพร่เอง โดยมีการจำหน่ายในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) หนังสือเสียง (Audio-Book) และมีบริการ E-Buffet ที่ผู้ใช้บริการสามารถอ่าน E-Book ได้ไม่จำกัดในเวลาที่กำหนด
ขณะที่บริษัทย่อยของ MEB ภายใต้ชื่อบริษัท ไฮเท็คซ์อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Reader) ยี่ห้อ Boox และให้บริการระบบห้องสมุดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (Elibrary) สำหรับองค์กรหรือเรียกว่า “Hibrary” ที่ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจ B2B กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือ โรงเรียนมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ และบริษัทเอกชน เป็นต้น
ส่วนในไตรมาส 4/2566 ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่ามีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติหนุนให้เกิดการเปิดตัวหนังสือใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเป็นบวกต่อ MEB และลุ้นการเปิดตัวแพลตฟอร์มภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกในลักษณะคล้าย readAwrite เพื่อรุกตลาดต่างประเทศเต็มตัว ในระยะยาวหากแพลตฟอร์มต่างประเทศประสบความสำเร็จจะเปิดโอกาสเพิ่มมูลค่าตลาดของ MEB อย่างมีนัยสำคัญและมีโอกาสสูงที่ตลาดจะเข้ามาเก็งกำไรล่วงหน้าถึงโอกาสดังกล่าว คาดจะช่วยหนุนให้ภาพรวมธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง จึงทำให้ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรปี 2566 ไว้ราว 369 ล้านบาท เติบโตราว 12% จากปี 2565 และน่าจะขยายตัวต่อเนื่องอีก 19% ในปี 2567 เพื่อตอบรับการเติบโตและปัจจัยธุรกิจที่แข็งแกร่ง
โดยปัจจุบัน MEB มีจุดเด่น คือการเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มชั้นนำในอุตสาหกรรมหนังสือที่กำลังเปลี่ยนถ่ายไปสู่ E-Book ทั่วโลก ตลาด E-Book โดยมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 60% และถือครองทรัพย์สินสำคัญคือชุมชนนักเขียนทำให้มีความแข็งแกร่งในเชิงโครงสร้างธุรกิจ
นอกจากนี้ MEB เป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนน้อยมากเพื่อรักษาธุรกิจเดิมแต่ได้รับประโยชน์จากการขยายฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกิด Economies of Scale และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึงระดับ 30%
ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับ Growth Engine ในระยะถัดไปนอกจากการเติบโตของมูลค่าตลาด E-Book จะอยู่ที่ 1. การเพิ่มชนิดสินค้าและบริการ 2. การรุกตลาดต่างประเทศ จึงทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ"ซื้อ" หุ้น MEB ให้ราคาเป้าหมาย 45.50 บาท
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม