TrendTalk : เจาะ AH

#AH #ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยส่งท้ายปี 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1,420 แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้น หลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นไปเหนือระดับ 1,400 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับฐาน แต่ถ้ายังไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,395 ลงไป แนวโน้มหลักก็ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ AH หรือ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน)

ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยี การเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things)

ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 66 มีกำไรสุทธิ 500 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.41 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 600 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.69 บาท

ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิ 1,472 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.15 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,412 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.98 บาท

นาย เย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/66 มีรายได้รวม 7,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 242 ล้านบาท หรือเติบโต 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 7,550 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลัก (ไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน) 432 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ทำไว้ 426 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 23,308 ล้านบาท หรือเติบโต 12.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิหลัก (ไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน) 1,328 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ไว้ 1,113 ล้านบาท

ผลประกอบการไตรมาส 3/66 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เติบโต เนื่องจากมีการส่งออกของผลิตภัณฑ์ใหม่ ไปยังประเทศอาร์เจนตินา และแอฟริกาใต้ ประกอบกับมีการเพิ่มขึ้นของปริมาณคำสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ของลูกค้าต่างประเทศ และการกระจายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและหลากหลาย ส่งผลให้ยอดขายเติบโตทั้งในประเทศไทย, จีน และโปรตุเกส ขณะที่ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ในประเทศมาเลเซีย มียอดขายที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากการเปิดโชว์รูมรถยนต์ Proton ในเดือนตุลาคมปี 2565 รวมถึง Proton ได้มีการออกโมเดลรุ่นใหม่หลายรุ่นในช่วงปี 66

อย่างไรก็ตามการเติบโตดังกล่าวได้ถูกลดทอนลงจากการชะลอตัวลงของยอดขายรถยนต์สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถทำรายได้รวมเติบโตได้ดีกว่าการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมในเชิงปริมาณการผลิต (คัน) ที่ลดลงที่ 6%

ทั้งนี้ บริษัทได้ยุติการดำเนินกิจการ ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) ที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 20% ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.66 เป็นต้นมา จึงส่งผลให้ไม่มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทดังกล่าวในไตรมาสนี้ แต่บริษัทยังคงเน้นย้ำถึงการยุติการดำเนินการดังกล่าวว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหลักแต่อย่างใด

อาปิโกคาดผลประกอบการทั้งปียังสามารถเติบโตได้ตามแผน และเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรม ประกอบกับจะเริ่มมีการเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจผลิตชิ้นส่วน รถยนต์จาก Avee กลุ่มบริษัทโปรตอนในมาเลเซีย ที่ทางบริษัทได้เข้าไปลงทุนในสัดส่วน 60% โดยกลยุทธ์การต่อยอดธุรกิจ ไปในหลากหลายประเทศนี้ จะทำให้อาปิโกสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตได้อย่างแน่นอน

สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 66 บริษัทมั่นใจว่า สามารถทำรายได้รวมเติบโต 10-15% ได้ตามแผน เมื่อเทียบกับปี 65 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 28,348 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์เสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน ยานยนต์ที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสากล จากการมีฐานการผลิตในหลากหลายประเทศทั่วโลก และมองหาโอกาสขยาย การเติบโตในประเทศที่มีฐานลูกค้าหลักอย่างต่อเนื่อง อย่างในประประเทศสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำลังการผลิตที่เพียงพอ พร้อมรองรับการเติบโตควบคู่ไปกับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย

ราคาหุ้นเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่บริเวณ 26.00 แล้วฟื้นตัวกลับขึ้นไป ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 30.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 32.00 เป็นแนวต้านสำคัญ แต่ถ้าปรับตัวลดลงทำจุตด่ำสุดใหม่ต่ำกว่า 26.00 จะเป็นสัญญาณขายหุ้นออกไปก่อน