> SET > DRT

18 มกราคม 2024 เวลา 09:30 น.

DRT คาดเติบโตได้ต่อเนื่อง บล.ดีบีเอสฯเพิ่มเป้า 9.50 บ.

#DRT #ทันหุ้น -  บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น DRT คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 24F-25F

คาดการณ์ Norm Profit งวด 4Q23F ไว้ที่ 109 ล้านบาท เติบโต +25%YoY แต่ -36% QoQ การเพิ่มขึ้น YoY มาจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ดีขึ้นเป็น 27.1% ใน 4Q23F จาก 23.5% ใน 4Q22 เพราะปรับขึ้นราคาขาย ส่วนการลดลง QoQ เป็นผลจากรายได้หดตัว -15%QoQ เนื่องจาก 1) มีการเร่งขายอิฐมวลเบาไปมากช่วง 3Q23, 2) ปิดปรับปรุงเครื่องจักรอิฐมวลเบา ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์อื่นๆ และส่งออกทรงตัว และ GPM อ่อนลงเป็น 27.1% ใน 4Q23F จาก 3Q23 ที่ 27.8% จากอัตราการใช้กำลังผลิตลดลง หมายเหตุ : กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้าย 4Q23F จะลดลง -7%YoY เพราะ 4Q22 มีการกลับรายการสำรองมาเป็นรายได้ 30 ล้านบาท


คาด Norm Profit ปี 23F โต +4%YoY เป็น 622 ล้านบาท คาดยอดขายทั้งปี 23F ขยายตัว +7%YoY เป็น 5.6 พันล้านบาท โดยยอดขายลูกค้าโครงการเติบโตเป็นเลขสองหลัก ยอดขาย Modern Trade ขยายตัวตามการเปิดสาขาเพิ่มของลูกค้า ส่วนยอดขายลูกค้า Agent โตไม่มาก ด้านส่งออกยังไม่ดีนัก เพราะความต้องการซื้อในกัมพูชาชะลอลง ส่วน GPM เฉลี่ยปี 23F ลดลงไม่มากเป็น 26.1% จาก 26.8% ในปี 22 เพราะต้นทุนวัตถุดิบใยหิน และซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นได้รับการชุดเชยด้วยการปรับขึ้นราคาขาย และมาร์จิ้นอิฐมวลเบาที่สูงกว่า 30%


โครงสร้างยอดขายปี 23F มาจากลูกค้า Agent 52%, โครงการ 18%, Modern Trade 16% และส่งออก 14% (ตลาดหลัก คือ กัมพูชา คิดเป็น 40-50% ของส่งออกทั้งหมด รองลงมาเป็น ลาว 30-40% เวียดนาม 10% ที่เหลือเป็นตลาดอื่นๆ)


แนวโน้มปี 24F...ยอดขายโต มาร์จิ้นดีขึ้นบริษัทให้ Guidance ว่ายอดขายจะโต +5%YOY เป็น 5.88 พันล้านบาท จากการขยายกำลังการผลิตกระเบื้องคอนกรีต ซึ่งจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ 2024F เป็นต้นไป ส่วนลูกค้าที่เติบโตดีเป็นลูกค้าโครงการ และ Modern Trade ด้าน GPM ปี 24F ประเมินว่าดีขึ้นเป็น 26.5% จาก 26.1% ในปี 23F หนุนโดยการลดลงของต้นทุนพลังงาน ซึ่งคิดเป็น 8% ของต้นทุนทั้งหมด แรงกดดันด้านราคาวัตถุดิบผ่อนคลายลงกำลังพิจารณานำเข้าใยหินจากจีนทดแทนการนำเข้าจากรัสเซียซึ่งมีต้นทุนสูง


ลูกค้าโครงการ และ Modern Trade เป็น Key growth ทั้งนี้ บริษัทมีลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่หลายราย ได้แก่ SIRI, AP, FRASER, SENA, QH, SPALI เป็นต้น รวมถึงผู้ประกอบการรับสร้างบ้านอย่าง Royal House และ Seacon ด้วย ซึ่งที่ผ่านมารายได้ลูกค้าโครงการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นการที่จับมือกับ Modern Trade หลายรายทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นตามการเปิดสาขาใหม่ด้วย โดยในปี 24F ลูกค้า Modern Trade มีแผนเปิดสาขาเพิ่ม 33 แห่ง


การเติบโตระยะยาวถูกต่อยอดด้วยการขายและให้บริการครบวงจร (Solution), ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และขยายกำลังผลิตอิฐมวลเบาสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่จากวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ ล่าสุด คือ ไม้บันได SPC, ไม้พื้น SPC ส่วนอิฐมวลเบา ซึ่งมีความต้องการใช้สูงขึ้นมากทั้งจากภาคก่อสร้างที่เติบโต และใช้ทดแทนอิฐมอญ บริษัทจึงมีแผนขยายกำลังการผลิตอีก 2.9 ล้านตรม.ปี (ปัจจุบันมีกำลังผลิต 5.8 ล้านตรม.ซึ่งใช้เต็มที่แล้ว) ใช้เงินลงทุน 648 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ใน 2025F


ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ (เดิมถือ) ให้ราคาพื้นฐาน 9.50 บาท อิงกับ P/E ปี 24F ที่ 12.25 เท่า โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 24F-25F ขยายตัว +6% และ +11% ตามลำดับ หนุนโดยการขยายกำลังการผลิต, การทำการตลาดแบบครบวงจรมากขึ้น และการมี Economy of scale คาดการณ์ Dividend Yield ปี 23F-25F ไว้ที่ 6-7% ต่อปี (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)


ความเสี่ยงหลัก คือ การปรับขึ้นค่าแรงงาน (ต้นทุนแรงงานคิดเป็น 10% ของต้นทุนการผลิตรวม), การแข่งขันด้านราคารุนแรงกว่าที่คาดไว้




รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X