#PRM #ทันหุ้น - SET INDEX สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,400 จุด จากแรงกดดันของ Bond Yield และ Dollar Index ที่ปรับตัวขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ และยุโรปออกมาเตือนเรื่องความคาดหวังของนักลงทุน ที่ประเมินว่า FED และ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตั้งแต่ต้นปี ด้วยเหตุผลด้านอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ FED และ ECB ต่างให้มุมมองที่คล้ายกันในงาน World Economic Forum คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างเร็วในช่วง 2H/67 ขณะที่ ความกังวลในการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จากการทรุดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และ Shadow Banking ยังกดดันตลาดหุ้นฮ่องกง จีน รวมถึงตลาดหุ้นเอเชีย (นอกจากญี่ปุ่น) ด้วยเช่นกัน 

ส่วนตลาดหุ้นไทย ถูกดดันจากปัจจัยเฉพาะตัวใน 2 ประเด็น คือ ผลประกอบการของ BBL และ KBANK ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด และปัจจัยการเมืองที่ต้องรอความชัดเจน ทั้งผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณี คุณพิธา ถือหุ้น ITV วันที่ 24 ม.ค. และการประชุมคณะกรรมการ Digital Wallet ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม จงหวะการปรับย่อของ SET INDEX ยังไม่หลุดจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,354 จุด จึงทำให้แรงขายเริ่มชะลอตัวลงในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน

แนวโน้ม SET INDEX สัปดาห์นี้ ผมคาดว่าจะ Sideway ในกรอบ 1,370-1,400 จุด และต่างชาติยังมีโอกาสขายสุทธิอีกเล็กน้อย เพราะปัจจัยการเมืองมีความเข้มข้นมากขึ้น โดย 23 ม.ค. ประชุมครม. จับตากระทรวงคมนาคมเสนอโครงการ Mega ญProject, 24 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคุณพิธา ถือหุ้น ITV ช่วง 14.00 น., 25 ม.ค. ประชุมพรรคร่วมรัฐบาล, 26 ม.ค. คาดการณ์วันประชุมคณะกรรมการ Digital Wallet ชุดใหญ่ ขณะที่สัปดาห์ถัดไป 31 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีการหาเสียงของพรรคก้าวไกลขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

สำหรับหุ้นที่ผมจะเล่าให้ฟัง คือ PRM หรือ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการเรือ โดยแบ่งเป็น 4 ประเภทคือ 1. ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีเหลว ประมาณ 60% ของรายได้รวม 2. ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมัน ประมาณ 30% ของรายได้รวม 3. ธุรกิจเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล7% ของรายได้รวม 4. ธุรกิจบริหารจัดการเรือ 3% ของรายได้รวม

ผมคาดกำไรปกติ 4Q/66 โตเด่น QoQ และมีโอกาสโตได้ YoY แม้ฐานปีก่อนสูง เพราะเรือเก็บน้ำมันกลางทะเล (FSU) ฟื้นตัวเร็ว และเรือขนส่งน้ำมันทั้งในและต่างประเทศให้บริการเต็มกำลัง ภายใต้ค่าเช่าเรือขนส่งระหว่างประเทศที่ทรงตัวในระดับสูง ส่วนกำไรสุทธิจะโตเด่นมากทั้ง QoQ และ YoY เพราะมีกำไรจากการขายเรือออกไป 1 ลำ ซึ่งราคาเรือในตลาดมือสองปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่กลางปีก่อน จากความต้องการเรือที่เพิ่มขึ้นและราคาเหล็กที่ฟื้นตัว ถ้าผลประกอบการ 4Q/66 เป็นไปตามที่ผมคาด กำไรปกติทั้งปี 2566 จะทำได้ดีราว 1,780 ล้านบาท +18% YoY ส่วนกำไรสุทธิจะอยู่ที่  2,130 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2565 ทั้งที่มีกำไรจากการขายเรือน้อยกว่า

ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายบน PER2567 ต่ำเพียง 8 เท่า PBV 1 เท่า และคาดปันผล 6.4% ต่อปี โดยระหว่างนี้ PRM อยู่ในช่วงของการซื้อหุ้นคืน 27 ธ.ค. 66 – 27 มิ.ย. 67 วงเงิน 800 ล้านบาท จำนวน 100 ล้านหุ้น คิดเป็น 4% ของทุนชำระแล้ว

ด้วยแนวโน้มผลประกอบการและ Valuation ที่น่าสนใจ พร้อมมีประเด็นซื้อหุ้นคืนช่วยจำกัด Downside ให้กับราคาหุ้น อีกทั้ง นักลงทุนยังสามารถใช้ PRM เป็นหุ้นในพอร์ตที่ Hedging สถานการณ์ในตะวันออกกลางได้ด้วย เพราะยิ่งสถานการณ์ยืดเยื้อ จะยิ่งทำให้ค่าเช่าเรือขนส่งน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศ และเรือจัดเก็บน้ำมันกลางทะเล ที่มีสัดส่วยรายได้รวมกันสูงถึง 50% ของรายได้รวม ผมจึงแนะนำ “ซื้อ” PRM โดยในทางเทคนิคมีแนวต้านที่ 6.30-6.50 บาท และแนวรับที่ 5.70-5.80 บาท

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนทุกด้าน พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=