#ALLA #ทันหุ้น – ALLA ธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปต่อยอดรายได้ เดินหน้าขยายกำลังผลิตเพิ่ม ด้านธุรกิจใหม่เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าปีนี้มั่นใจโตต่อเนื่อง จ่อรับรู้รายได้ราว 15 ล้านบาท ส่วนธุรกิจเดิมเครนและรอกไฟฟ้าสัดส่วนรายได้ยังสูง มองความต้องการในโรงงานอุตสาหกรรมยังมี ปัจจุบันมีแบ็กล็อกรอส่งมอบ 500 ล้านบาท

นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA ผู้นำเข้า ผลิต จำหน่าย และติดตั้งอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ได้แก่ เครนและรอกไฟฟ้า (Crane and Hoist) เปิดเผยว่า ปี 2567 บริษัทมีแผนขยายสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มพลังงานสีเขียว (Green Energy) ทั้งธุรกิจติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop)

โดยปัจจุบันธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ปัจจุบันจำนวนเมกะวัตต์ยังไม่มากนัก เนื่องจากเพิ่งเป็นการเริ่มต้นทำธุรกิจคิดเป็น 12% ของรายได้รวม และกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของบริษัท เป็นต้น โดยปีนี้คาดว่าการเติบโตที่ดีขึ้นมาจากแนวโน้มการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นเทรนด์และมีภาวะ ที่จะกลายเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมในโครงสร้างการค้าอนาคต

*ธุรกิจชาร์จอีวีรุ่ง

ด้านธุรกิจเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ช่วงที่ผ่านบริษัทได้เจรจากับลูกค้า 1 ราย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอีก 1รายอยู่ระหว่างการทดสอบการใช้งาน โดยมีแผนจะนำสินค้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เบื้องต้น 2 ผลิตภัณฑ์จากยุโรปและจีน ซึ่งบริษัทมองว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากเนื่องจากมีคนที่สนใจใช้งานนอกจากนี้ ยังเป็นตลาดที่มีคู่แข่งน้อยราย จึงมองว่าสามารถขยายธุรกิจไปได้ดีมากและอนาคต ปีที่ผ่านมาบริษัทรับรู้รายได้จากการขายสถานีชาติรถไฟฟ้าจำนวน 15 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ลงนามสัญญาดังกล่าวกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่ได้เปิดประมูลงานซื้อเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็ว หรือ EV Charger ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) นั้น บริษัทได้ส่งบริษัทย่อย (บริษัท ออนวัลล่า จำกัด) เข้าร่วมประมูล และได้รับคัดเลือกเนื่องจากเป็นผู้ผ่านการทดสอบการใช้งาน (Proof Of Concept : POC) เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของกลุ่มบริษัท

สอดรับกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งขยายสายธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงคุณภาพของสินค้าของกลุ่มบริษัท เนื่องจากผู้ที่จะได้รับงานนั้น นอกจากจะต้องแข่งขันทางด้านราคาแล้ว ยังต้องผ่านการทดสอบการใช้งาน (Proof Of Concept : POC) อีกด้วย โดยยังคงเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าที่มีความต้องการมากขึ้น และตอบรับกระแสพลังงานสะอาด

*เครนและรอกไฟฟ้ายังโต

ขณะที่ทิศทางธุรกิจเดิมเครนและรอกไฟฟ้า (Crane and Hoist) เเละสินค้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ตลาดก็ยังเติบโตอย่างได้ แม้จะไม่ได้หวือหวาเหมือนในอดีต ซึ่งถือว่ายังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนงานหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนรายได้และกำไรของกลุ่มบริษัท โดยมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 35%

ในปี 2566 บริษัทสามารถส่งมอบ งานและผลประกอบการดีขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยบริษัทมีความน่าเชื่อถือทำให้ ได้รับความเชื่อมั่นของลูกค้า ปัจจัยเหล่านี้มีอิทธิพลและส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท ประกอบกับหลังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลัง โควิด-19ได้ส่งผลต่อการดำเนินงานโครงการในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท โดยทำให้ภาพรวมการลงทุนในโครงการต่างๆ มีการฟื้นตัว ได้ดีขึ้น

*ตุนแบ็กล็อก 500 ล้าน

ขณะที่งานในแถบโรงงานอุตสาหกรรมในแถบ EEC ปี 2567 คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้น จากการที่ประเทศจีนย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมจากประเทศจีนมาเปิดเป็นจำนวนมาก ก็จะเป็นอานิสงส์เชิงบวกต่อบริษัทได้เป็นอย่างดี เนื่องจากความต้องการใช้สินค้าอุตสาหกรรม

โดยกลุ่มบริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีงานที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) ที่รราว 500 ล้านบาท และคาดว่าจะมีงานด้านพลังงานของกลุ่ม Oil & Gas เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโรงงานเคมีภัณฑ์ ปัจจุบันก็ยังมีการใช้สินค้าประเภทนี้เรื่อยๆ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1