ทันหุ้น –SYNTEC เผยโค้งแรกเซ็นสัญญางานใหม่แล้วกว่า 3 พันล้านบาท คาดไตรมาส 2/2562 จ่อเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 1.5 พันล้านบาท เชื่อทั้งปีคว้าเพิ่มกว่า 8 พันล้านบาท ส่วนรายได้คาดทำได้ 7.5-8 พันล้านบาท เน้นรับงานคอนโดมิเนียมมากขึ้น มองตลาดโดยรวมกลับมาสดใส แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในปี 2562 ทางบริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYNTEC มีการเซ็นสัญญารับงานกว่า 3 พันล้านบาทแล้วในไตรมาส 1/2562 ทีผ่านมา และคาดว่าไตรมาส 2/2562 จะมีงานเข้ามาอีกกว่า 1.5 พันล้านบาท ซึ่งปีนี้มีงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ปีนี้บริษัทจะเน้นกลับรับงานโครงการคอนโดมิเนียม จากปีก่อนที่งานอาจจะมีความล่าช้าไป จากสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อาจจะซบเซาในช่วง 6 เดือนก่อน แต่คาดว่าขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปแล้ว โดยคาดว่าปีนี้จะได้รับงานเข้ามากว่า 8 พันล้านบาท โดยสัดส่วนงานหลักกว่า 70% จะเป็นงานโครงการคอนโดมิเนียม *ตั้งเป้ารับงาน 8 พันล. “งานขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ไตรมาสแรก SYNTEC ก็เซ็นรับงานไปแล้วกกว่า 3 พันล้านบาท ก็มีโอกาสที่จะเซ็นสัญญางานต่อเนื่อง ตอนนี้งานหลักจะกลับมาเน้นงานโครงการคอนโดฯมากขึ้นเพราะช่วงที่ผ่านมาบริษัทอาจจะหันไปรับงานด้านอื่นบ้างแต่ปีนี้มองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะกลับมาดี ซึ่งการเติบโตของ SYNTEC ก็จะเติบโตตาม Developer” แหล่งข่าว กล่าว ขณะที่รายได้ปีนี้บริษัทคาดว่าจะทำได้ 7.5-8 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 7.42 พันล้านบาท ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/2562 จะมีการประกาศช่วงประมาณวันที่ 13 พฤษภาคม 2562 นี้ ซึ่งปีนี้บริษัทเดินหน้าในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาใช้ในการดำเนินงาน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพแรงงานของบริษัทให้มีความรู้ ความสามารถเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น อันจะเห็นได้จากการที่บริษัทได้ลงนามสัญญาก่อสร้างที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ขนาดโครงการและพื้นที่ก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น *Backlog 1.2-1.3หมื่นล. ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงหุ้น SYNTEC ว่าประเมินกำไรไตรมาส 1/2562 ที่ 46 ล้านบาท ขณะที่รายได้อยู่ที่ 1.96 พันล้านบาท ผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกอาจจะไม่ได้สูงมากนัก เพราะยังมีความกังวลเรื่องมาร์จิ้น ที่อาจจะลดลงเพราะบริษัทมีการรับงานอื่นมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่ตลาดคอนโดมิเนียมอาจจะมีความกังวลหลายเรื่อง ทำให้บริษัทมีการเข้าไปงานงานด้านการก่อสร้างโรงเรียนหรืออาคาร บ้างทำให้มาร์จิ้นลดลง แต่ก็คาดหวังให้ครึ่งปีหลังผลประกอบการดีขึ้น โดยต้องติดตามพัฒนาการของมาร์จิ้นเป็นหลัก ส่วนทั้งปีประเมินกำไรที่ 377 ล้านบาท ส่วนทั้งปีคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 8.05 พันล้านบาท โดยบริษัทยังมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ระดับสูงที่ 1.2-1.3 พันล้านบาท ทำให้ไม่น่ากังวลเรื่องการเติบโตของรายได้ในช่วงปี 2562 และปี 2563 อีกทั้งไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมาบริษัทเซ็นสัญญารับงานเพิ่มมาแล้วกว่า 3 พันล้านบาท และมีโอกาสได้งานต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดว่าช่วงกลางปีหลังจากประกาศผลประกอบการแล้วอาจจะมีการประชุมนักวิเคราะห์อีกครั้ง ถึงจะได้อัพเดตพัฒนาการของบริษัทต่อไป นักวิเคราะห์เทคนิคเปิดเผยว่า ราคาหุ้นทำนิวโลว์แต่สามารถยืนได้ มองว่าเป็นโอกาสรีบาวน์ระยะสั้น และเก็งกำไรระยะสั้น ประเมินกรอบที่ 2.66-2.72 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 2.52 บาท