ทันหุ้น - PK ติดเครื่องลุยตลาดต่างประเทศ ตั้งทีมขายบุกชิงออเดอร์ใหม่เติมแบ็กล็อก พร้อมปั้มผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูง หวังหนุนผลงานกลับมาคืนฟอร์มสวย นายแสงชัย โชติช่วงชัชวาล ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) หรือ PK ดำเนินธุรกิจหลัก คือ เป็นบริษัทวิศวกรรมสร้างเครื่องจักรทำความเย็น และเครื่องจักรที่ใช้ในการแปรรูปและการผลิตอาหารประเภทต่างๆ เช่น เครื่องทำน้ำแข็งหลอด ห้องเย็น สร้างเครื่องจักรและโรงงานสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นของเหลว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรซ์ นมยูเอชที เครื่องดื่มชูกำลัง เบียร์ น้ำผลไม้ น้ำดื่มบรรจุขวด รวมถึงโรงงานยา และเคมีภัณฑ์ โดยบริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยการให้บริการอย่างครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา งานออกแบบ งานวิศวกรรม จนถึงงานสร้าง และติดตั้ง และยังมีผลิตภัณฑ์ที่ได้จดสิทธิบัติแล้วเป็นจำนวนมาก เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและคาดว่ายอดขายในช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถชดเชยยอดขายครึ่งปีแรกที่หดตัว ผลจากทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เร่งเกมเทิร์นอะราวน์ ทั้งนี้เงินบาทแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกดดันอุตสาหกรรมพอสมควร อีกทั้งกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ในกลุ่มประเทศที่ค่าเงินอ่อนตัวและมีแนวโน้มอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง อย่าง ยุโรปและสหรัฐฯ ดังนั้นบริษัทจึงได้เดินทางไปให้ข้อมูลกับคู่ค้าในต่างประเทศ ทั้ง มาเลเซีย และเมียนมา เป็นต้น ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามีความสนใจที่จะลงทุนเครื่องจักรมากขึ้น และในเร็วๆนี้ บริษัทเตรียมเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นทำให้มองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทมีโอกาสได้รับออเดอร์จากลูกค้ารายใหม่และรายเดิมเข้ามาเพิ่ม ซึ่งที่ผ่านมาได้ตั้งสำนักงานในสหรัฐฯเพื่อทำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องจักรประเภททำความเย็นและเครื่องจักรที่ใช้ในการแปรรูปและผลิตอาหารประเภทต่างๆ ปัจจุบันอยู่ระหว่างขอมาตรฐานทางการค้าขั้นสูง คาดว่ากระบวนการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 นี้ และจะทำการค้าขายกับสหรัฐและยุโรปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในปี 2563 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทเตรียมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพิ่ม ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเพื่อการบริโภค รองรับความต้องการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูงส่งผลให้คาดว่าปีนี้มีโอกาสที่จะกลับมาเทิร์นอะราวน์ได้ อย่างไรก็ดีหากสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะได้รับออเดอร์ใหม่จากทั้งลูกค้ารายใหม่และรายเดิมเข้ามาเพิ่ม ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ 1.8-1.9 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ราว 60-70%ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป และแบ็กล็อกน่าจะเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังตามออเดอร์ใหม่ที่จะทยอยเข้ามาเพิ่ม สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าการเติบโตของรายได้จากการขายจะใกล้เคียงกับปี 2561 ที่ทำได้ 3,901 ล้านบาท และในช่วงปลายปีนี้มีโอกาสเห็นการพลิกกลับมาได้ ชะลอแผนอินโดฯ สำหรับแผนการลงทุนปีนี้ บริษัทไม่ได้มีการลงทุนขนาดใหญ่อย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้มีการลงทุนใหญ่จำนวนมากและปรับปรุงสภาพเครื่องจักรใช้งบเพียงเล็กน้อย ส่วนการขยายโรงงานผลิตในอินโดนีเซีย เบื้องต้นอาจเลื่อนลงทุนออกไปก่อน จากเดิมที่จะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ พร้อมเดินเครื่องผลิตในปีหน้า คาดใช้เงินลงทุน 200-300 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนในปีนี้อาจต้องพิจารณาอย่างละเอียด เพื่อให้สอดคล้องตามสภาวะเศรษฐกิจ