ทันหุ้น – สู้โควิด - SUN เล็งแตกไลน์ลงทุนพลังงานทดแทน หวังนำขยะที่เหลือมาผลิตไฟฟ้า พร้อมศึกษาลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์ เพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้า ส่งซิกยอดขายไตรมาส 3/2563 พุ่งไฮซีซันหนุน รุกขยายตลาดใหม่ ปลื้มยอดส่งออกกลุ่มเอเชียไหลเข้าเพียบ มั่นใจรายได้ทั้งปีโตทะลุเป้า 15%
ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปรายใหญ่ของประเทศภายใต้แบรนด์ “KC” เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมีความสนใจในการแตกไลน์ลงทุนธุรกิจในกลุ่มพลังงานทดแทน โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสที่จะเห็นการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า โดยวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นการนำไฟฟ้าที่ได้มาใช้ภายในโรงงาน และช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงในอนาคต ประเมินมูลค่าการลงทุนในครั้งนี้หลัก 10 ล้านบาท เนื่องจากการผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้นถึง 40-50% มีขยะที่ออกมาเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก บริษัทจึงจะนำขยะที่เหลือจากการผลิตมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติม
*ซุ่มศึกษาโลจิสติกส์
ขณะเดียวกันในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในธุรกิจขนส่งสินค้า (Logistic) เพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมีการขยายตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องทำให้ปริมาณการขนส่งต่อวันเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นตามยอดขายที่เติบโต ดังนั้นจึงมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ จึงมองว่าการลงทุนธุรกิจขนส่งสินค้าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารในการขนส่งสินค้าถึงหน้าประตูบ้านลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ประเมินยอดขายในช่วงไตรมาส 3/2563 มีทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบจากไตรมาส 2/2563 ที่มียอดขายรวมอยู่ที่ 625 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 56.5 ล้านบาท เนื่องจากเป็นผลมารจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ปัญหาภัยแล้งเริ่มคลี่คลายเพราะเข้าสู่ฤดูฝนทำให้ผลผลิตทางการเกษตรในปัจจุบันอยู่ในกาเกณฑ์ที่ดี และได้ผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น
*ลูกค้าแน่น-ออเดอร์พุ่ง
นอกจากนี้ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยยอดขายของบริษัทได้รับผลกระทบในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2563 เพราะการล็อกดาวน์ของหลายๆ ประเทศทำให้เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก แต่นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 เป็นต้นมา ทำให้ยอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศไหลเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าเอเชีย ซึ่งยอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในขณะนี้เติบโตสูงกว่า 10-15% ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทมีอัตราการใช้กำลังผลิตโดยรวมที่สูงกว่า 70%
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมปี 2563 ไม่น้อยกว่า 10-15% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่มีรายได้รวมจากการขายอยู่ที่ 1,939.70 ล้านบาท และมีผลขาดทุนที่ 41.88 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 623.69 ล้านบาท และพลิกกลับมามีกำไรสุทธิที่ 10.44 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2563 เชื่อว่าจะมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรก
**อัดงบ 100 ล้าน
ส่วนแผนการลงทุนในปี 2563 เบื้องต้นบริษัทวางงบประมาณเพื่อใช้รองรับการลงทุนไว้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท แบ่งออกเป็นการลงทุนเพิ่มโรงงานขนาดเล็กรองรับการขยายไลน์การผลิตสินค้าพร้อมทานใหม่ จำนวน 5 ไลน์การผลิต มูลค่าการลงทุนเฉลี่ยราว 10-20 ล้านบาทต่อไลน์การผลิต เนื่องจากบริษัทมองเห็นว่าสินค้าพร้อมทานเพื่อสุขภาพได้รับการตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตกว่าเท่าตัว ดังนั้นบริษัทวางแผนเตรียมออกผลิตภัณฑ์สินค้าพร้อมทานใหม่เฉลี่ย 1-3 เดือน ต่อ 1 รายการ เป็นต้น
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม