ทันหุ้น -PF กางแผนปี 2564 คาดรายได้โต 42% ที่ระดับ 20,848 ล้านบาท เทียบกับปีนี้ 14,688 ล้านบาท เชื่อตลาดอสังหาฯกลับมาฟื้นปีหน้าหลังชะลอตัวช่วงโควิด บ้านเดี่ยวได้รับความสนใจมากขึ้น ลุยเปิดโครงการแนวราบใหม่ 9 เเห่ง มูลค่า 7,990 ล้านบาท พร้อมเดินแผนดูแลงบแกร่ง รักษาความสามารถทำกำไร

นายธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มสนับสนุน  บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ในปี 2564 คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาฟื้นตัวหลังผ่านช่วงวิกฤติโควิด-19 โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 20,848 ล้านบาท เติบโตเมื่อเทียบกับปี 2563 ถึง 42%  มาจากรายได้บ้านเดี่ยว 11,500 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 5,200ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม 2,100 ล้านบาท ธุรกิจให้เช่าและบริการ 248 ล้านบาท และการขายที่ดิน 1,800 ล้านบาท

สำหรับเป้าหมายยอดขายปี 2564 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 16,600 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการของบริษัทเอง 15,500 ล้านบาท และโครงการของ GRAND 1,100 ล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 12,000 ล้านบาท คอนโดฯของบริษัทเอง 2,500 ล้านบาท คอนโดฯที่ประเทศญี่ปุ่น Yukiroro 1,000 ล้านบาท คอนโดฯ GRAND 500 ล้านบาท เเละโครงการวิลล่าที่ระยอง 600 ล้านบาท

ลุยเปิดโครงการเพียบ

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2564 บริษัทเตรียมเปิดโครงการแนวราบใหม่ 9 เเห่ง มูลค่า 7,990 ล้านบาท โดยเป็น 1.โมดิ บางนา 2 มูลค่า 1,000 ล้านบาท 2.เพอร์เฟค พาร์ค บางใหญ่ 2 มูลค่า 1,700 ล้านบาท 3. โมดิ วิลล่า บางใหญ่ 2 มูลค่า 1,000 ล้านบาท 4.บ้านหรู 3 ชั้น สุทธิสาร มูลค่า 500 ล้านบาท 5.บ้านหรู 3 ชั้น สุขุมวิท 77 มูลค่า 500 ล้านบาท 6.โมดิวิลล่า รังสิต คลอง 4 มูลค่า 860 ล้านบาท 7.เพอร์เฟค พาร์ค พหลฯ-จตุโชติ มูลค่า 780 ล้านบาท 8.บ้านหรู 3 ชั้น รัตนาธิเบศร์ มูลค่า 900 ล้านบาท และ9.เพอร์เฟค เพลส รามค าแหง - ร่มเกล้า มูลค่า 750 ล้านบาท

นอกจากนี้ เตรียมเปิดโครงการร่วมทุนกับพันธมิตร ฮ่องกง แลนด์ (Hongkong Land) 1.โครงการ LAKE LEGEND บางนา สุวรรณภูมิ มูลค่า 8,300 ล้านบาท ช่วงไตรมาสที่ 2/2564 เเละจะเปิดโครงการร่วมทุนกับพันธมิตร ซูมิโตโม ฟอเรสทรี(Sumitomo Forestry) 2.โครงการLAKE FOREST Perfect Park ราชพฤกษ์ ในช่วงไตรมาสที่ 4/2563 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท รวมถึง 3.โครงการ LAKE FOREST Perfect Place ราชพฤกษ์ ซึ่งจะเปิดในช่วงไตรมาสที่ 3/2564 มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท

ปี 63 รายได้ตามเป้า

สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเปิดโครงการเพียง 1 แห่ง เน้นบ้านเเนวราบ เเละลดการเปิดคอนโดฯ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี2563 ไว้ที่ 14,688 ล้านบาท ด้านโครงการที่รอรับรู้รายได้ (backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ 3,232 ล้านบาท

นายธีรธัชช์ กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปี บริษัทยังมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบดุล เพื่อให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งของบริษัทเองตามปกติ และโครงการของบริษัทร่วมทุน และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร, ลดภาระหนี้สิน โดยการขายที่ดินในโครงการที่ไม่มีแผนการพัฒนา และการขายเงินลงทุนบางส่วนออกไปด้วย

สำหรับโครงการบ้านแนวราบยังมีการเติบโตที่ดีโดยลูกค้าที่เข้ามาซื้อมีความต้องการสินค้าอย่างแท้จริง รวมถึงในช่วง สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้มองหาบ้านเดี่ยวมากขึ้น แทนที่จะมาแออัดในคอนโดมิเนียม ด้านธุรกิจโรงแรมต้องรอความคืบหน้าการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา เพราะต้องยอมรับว่าตลาดในประเทศ คงไม่สามารถทดแทนได้ทั้งหมด