#AMATA #ทันหุ้น – AMATA ตั้งเป้ารายได้รวมโต 10-20% ยอดขายที่ดินแตะ 1.4-1.5 พันไร่ มั่นใจต่างชาติสนใจย้ายฐานลงทุนในไทย-เวียดนาม กำงบลงทุนกว่า 4-5 พันล้านบาท เดินหน้าซื้อที่ดิน-พัฒนานิคมรองรับ จับตายอดขายครึ่งปีหลังพีครับไฮซีซัน
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมทั้งปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 10-20% จากปี 2564 ที่ทำได้ 5,841.8 ล้านบาท หนุนจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินประมาณ 60-70% หรือประมาณ 2,989-3,487 ล้านบาท จากยอดขายที่ดินรอโอนกรรมสิทธิ์ (Presale Backlog ) ณ สิ้นปี 2564 ที่ 4,982 ล้านบาท รวมถึงรายได้จากค่าเช่า และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10%
พร้อมกันนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ดินที่ประมาณ 1.5-1.6 พันไร่ จากที่ดินพร้อมขาย 1,960 ไร่ แบ่งเป็น 1.นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง 495-540 ไร่ 2.นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรีประมาณ 291ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมไทย-จีนประมาณ 300-368 ไร่ และ 4.นิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามประมาณ 450 ไร่ สำหรับนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ซิตี้ในสปป.ลาว ปัจจุบันอยู่ระหว่างรวบรวมที่ดิน โดยคาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในช่วงไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไป
“ยอดขายกับรายได้ของบริษัทโตขึ้นได้แน่นอนเฉลี่ย 10-20% เมื่อเทียบกับปี 2564 แต่อัตรากำไรขั้นต้นอาจโตได้ไม่ถึง 10-20%เนื่องจากราคาขายที่ดินในจังหวัดระยองนั้นถูกกว่าราคาที่ดินในจังหวัดชลบุรี รวมถึงในเวียดนาม ยังอยู่ระหว่างการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใหม่ทางตอนเหนือ แต่ก็จะมีรายได้จากค่าเช่า และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเข้ามาอีกด้านหนึ่ง”
*จัดงบลงทุน 5 พันล.
ด้านงบลงทุนทั้งปี 2565 ตั้งไว้ระหว่าง 4-5 พันล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินเพิ่มเติม และพัฒนาที่ดินให้พร้อมสำหรับการโอนกรรมสิทธิให้กับลูกค้า ทั้งนี้ยังไม่รวมงบลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ซิตี้ (Smart City) และนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนา
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมีต้นทุนอัตราภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้น ตามอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินใหม่ ทั้งนี้อยู่ระหว่างรอกรมสรรพากรประเมินกรอบอัตราภาษีที่ดินในกลุ่มอุตสาหกรรมนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้บริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
*ครึ่งปีหลังขายพุ่ง
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2565 นั้นคาดการณ์ยอดขายที่ 30-40 ไร่ เนื่องจากช่วงไฮซีซันของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจะอยู่ในช่วงปลายไตรมาส 3/2565 ต่อเนื่องไตรมาส 4/2565 ตามระยะเวลาการดำเนินงานทางเอกสาร และรอบการชำระเงิน (Time Payment)
ด้านสถานการณ์ระหว่างยูเครนกับรัสเซียนั้น มีแนวโน้มส่งผลกดดันศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แต่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบในกรอบที่จำกัด เนื่องจากไทยยังเป็นประเทศเป้าหมายที่นักธุรกิจจะย้ายฐานการผลิตเข้ามา เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน รวมถึงเป็นการดำเนินงานตามกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจหลังเผชิญสถานการณ์ล็อกดาวน์ในหลายประเทศ
“ยังคงคาดว่าสถานการณ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะไม่ยืดเยื้อจนกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งรัฐบาลไทยยังมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EECมีความพยายามที่จะผลักดันให้โควิด-19 เป็น “โรคประจำถิ่น” เพื่อสร้างบรรยากาศการลงทุน ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานเข้ามาลงทุน”
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม