นายปฐมพล สาวทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจและอุตสาหกรรมก่อสร้างในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566มองว่ายังคงมีแนวโน้มที่ทรงตัวจากเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน แม้ว่าการลงทุนโครงการต่างๆ ของภาคเอกชนมีทิศทางที่ดูดีขึ้น แต่การแข่งขันยังคงรุนแรงอยู่เช่นเดียวกัน
*แบ็กล็อกหนา
แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมางานโครงการลงทุนต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนจะมีทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยยังมีหลายปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในปี 2566มีทั้งในเรื่องของต้นทุนวัสดุก่อสร้าง เช่น ซีเมนต์ และโดยเฉพาะเหล็กที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้ว่านับตั้งแต่ปลายปี 2565 จะปรับตัวลดลงมากบ้างแล้ว แต่ก็ยังถือว่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับปี 2564 ดังนั้นจึงมีผลระทบต่ออัตราการทำกำไรอยู่
ขณะที่การลงทุนของภาครัฐตามปกติจะมีงานโครงการใหม่ๆ จะทยอยออกมามากขึ้นหลังจากที่มีการประกาศงบประมาณประจำปีออกมา ดังนั้นในช่วงครึ่งปีแรก งานที่ออกมาในระบบจึงยังไม่มากนัก อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 1/2566 บริษัทได้รับงานก่อสร้าง “โครงการก่อสร้างเซ็นทรัล นครสวรรค์” ที่เป็นงานก่อสร้างห้างสรรพสินค้า อาคารสูง 4 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ชั้นดาดฟ้า 1 ชั้น มูลค่าโครงการ 825 ล้านบาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาก่อสร้าง 13 เดือน
เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ตามกำหนด โดยจากงานใหม่ที่ได้มาเติมพอร์ตเพิ่มส่งผลให้มูลค่างานในมือที่รอรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ (Backlog) ของบริษัทพุ่งแตะกว่า 3,525-3,625 ล้านบาท ที่บริษัทคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 2,200-2,300 ล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป อย่างไรก็ดี จากนี้คงต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป และคาดหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังงานใหม่ๆ จะทยอยออกมาเพิ่ม
*รุกชิงงานใหม่
พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงมีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญารับงาน (LOI) ในมืออยู่กว่า 3,000-3,500 ล้านบาท เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะทยอยเห็นความชัดเจนได้ในปี 2566นี้ราว 3,000 ล้านบาท สะท้อนต่องานในมือที่ยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจและมองโอกาสที่จะเข้าร่วมประมูลงานรับเหมาก่อสร้างใหม่ๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนเข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ประเมินเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 10,000-13,000 ล้านบาท
โดยแบ่งสัดส่วนออกเป็นกว่า 80% เป็นงานจากภาคเอกชน ในส่วนที่เหลือราว 20% เป็นงานโครงการภาครัฐ โดยเบื้องต้นบริษัทคาดหวังจะมีโอกาสได้รับงานเข้ามาเติมแบ็กล็อกไม่น้อยกว่า 3,300 ล้านบาท สำหรับการเติบโตของรายได้ในปี 2566 นั้น บริษัทวางเป้าหมายไว้ที่ไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาท และมีโอกาสที่รายได้จะกลับมาเติบโตได้ใกล้เคียงกับช่วงปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,846.55 ล้านบาท และคาดหวังว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะมีผลขาดทุนกำไรที่ลดลง
"สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2566 นั้น เราคาดว่าจะมีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ และประกาศผลประกอบการได้ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ซึ่งภาพรวมธุรกิจและอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในช่วง 2 ไตรมาสแรกปี 2566 มองว่ายังคงทรงตัว แม้ว่าปริมาณการลงทุนของภาคเอกชนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ตามการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ แต่ยังมีแรงกดดันจากสถานการณ์การแข่งขันที่ยังรุนแรง และต้นทุนที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต"นายปฐมพล กล่าว
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม