#TOP #ทันหุ้น - TOP เผยครึ่งปีหลัง 2566 มีลุ้นมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ส่วนไตรมาส 2 มีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันค่ากลั่น-ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง  คาดค่าการกลั่นย่อตัวลงมาที่ 3.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 8.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ชูดีมานด์น้ำมันยังดี น้ำมันอากาศยานแรงเที่ยวบินทั่วโลกยืนเหนือปี 2562 แล้ว ศึกษาไฮโดรเจนต่อยอด

นายณัฐพล  นพรัตน์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการพาณิชย์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า  ตลาดน้ำมันดิบในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่มีปริมาณส่วนเกินเล็กน้อย (Surplus) แต่คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้จะเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น จากมีกำลังการผลิตของกลุ่มนอกโอเปก (Non-OPEC) ขึ้นมาค่อนข้างมากในปีนี้ประมาณ 2,000 บาร์เรลต่อวัน ส่วนกำลังการผลิตของรัสเซียหายไปจากตลาดเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่กลุ่มโอกเปก (OPEC) ล่าสุด มีนโยบายออกมาเพื่อรักษาสมดุลตลาด โดยการประกาศลดกำลังการผลิต ทำให้คาดว่าอุปทานหรือซัพพลายในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

*ดีมานด์น้ำมันยังดี

ขณะที่ความต้องการหรือดีมานด์ ยังเติบโตได้ค่อนข้างดี อิงจากข้อมูลของ EIA, IEA และ OPEC คาดการณ์ว่าดีมานด์ในปีนี้จะเติบโตกว่าปีก่อน ประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างในสหรัฐและยุโรป ยังประสบปัญหาอัตราเงินเฟ้อ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร แต่ในส่วนของประเทศจีนที่กลับมาเปิดประเทศ และยกเลิกนโยบาย Zero Covid ส่งผลให้การเดินทางและเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้ดีมานด์เติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน

อย่างไรก็ตามในครึ่งปีหลังหากสถานการณ์เป็นไปตามคาดการณ์ หรือโอเปก ออกมาลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาสมดุล ก็จะทำให้ตลาดน้ำมันดิบเข้าสู่สมดุลมากขึ้น โดยมองว่าทิศทางราคาน้ำมันไตรมาส 2/2566 อาจจะเห็นการย่อตัว แต่ว่าช่วงที่เหลือของปีจะเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น ตรมาส 1/2566 มี ขาดทุนสต็อกน้ำมัน (Stock Loss) แต่ไตรมาส 2/2566 ยังมีโอกาสเห็นขาดทุนสต๊อกน้ำมัน (Stock Loss)บ้าง แต่มองว่าครึ่งปีหลังอาจจะเริ่มมี กำไรจากสต๊อกน้ำมัน (Stock Gain)

ขณะที่ค่าการกลั่นสิงคโปร์ (GRM) อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 3.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากซัพพลายที่เพิ่มเข้าในตลาด จีนมีการส่งออกมาเพิ่มขึ้น รวมไปถึงโรงกลั่นฝรั่งเศสมีการประท้วงทำให้ลดการผลิตไปกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ขณะนี้ก็สามารถกลับมาเดินเครื่องผลิตได้แล้ว รวมถึงรัสเซียยังสามารถส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปยังประเทศอื่นๆ ได้ ดังนั้นจะส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ย่อตัวลงมาบ้างเทียบกับไตรมาส 1/2566

อย่างไรก็ตามธุรกิจโรงกลั่นยังมีดีมานด์เติบโตดี ส่วนกำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามา คาดอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน และคาดจะเริ่มเห็นโรงกลั่นต่างๆ ชะลอการลงทุนในปีหน้า จากความกังวลในเรื่องของดีมานด์

*เดินแผนการลงทุนตามแผน

ทั้งนี้ความต้องการน้ำมันเบนซิน ดีมานด์ยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในฝั่งของเอเชีย และสต๊อกน้ำมันเบนซินทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งปัจจุบันก็เข้าสู่ช่วงหน้าร้อน ทำให้มีดีมานด์มากขึ้น โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐ มีการใช้งานมากขึ้นรวมถึงปัจจัยกดดัน จะมาจากการส่งออกของจีนที่เพิ่มขึ้นในช่วงสั้น

ขณะที่น้ำมันอากาศยาน จำนวนเที่ยวบินทั่วโลกยืนเหนือระดับปี 2562 แล้ว ทำให้ดีมานด์เริ่มไต่ระดับเข้าสู่ภาวะปกติ ด้านน้ำมันดีเซล ดีมานด์ยังเติบโตได้ดีอยู่ โดยสต๊อกน้ำมันดีเซลทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำ ยังไม่ถึงค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปี และปัจจัยลบยังมาจากการส่งออกของจีน แต่คาดครึ่งปีหลังหากตลาดจีนมีความต้องการ จะช่วยลดการส่งออกลงไปได้ ส่วนน้ำมันเตา ดีมานด์ยังคงยืนเหนือปี 2562 จากมีความต้องการใช้ทำไฟฟ้า ในประเทศเมืองร้อน และดีมานด์สำหรับการเดินเรือ

สำหรับแผนปี 2566-2569 คาดใช้เงินลงทุน 1,082 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้สำหรับโครงการ CFP เป็นหลักกว่า 556 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าในการศึกษาลงทุนโครงการธุรกิจใหม่ๆ อย่างไฮโดรเจน รวมไปถึงโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Capture and Storage (CCS)

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1