นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ KK ผู้ค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้ชื่อร้าน "เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์" เปิดเผยว่า ทิศทางยอดขายไตรมาส 1/2567 ยังเติบโตไปตามแผน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจทางภาคใต้ค่อยๆ ขยับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกันราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ราคายาง มีแนวโน้มดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรมีกำลังซื้อ ซึ่งมีเงินสดสำหรับซื้อสินค้า ของใช้ สินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น ทำให้การจับจ่ายใช้สอยมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันสาขาเดิม หรือ Same Store Sales Growth (SSSG) ช่วง 2 เดือนแรกปี 2567 ขยับตัวขึ้น 4% บริษัทจึงมองภาพรวมในไตรมาส 1/2567 จะดีกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน และคาดจะเป็นบวกได้ ส่วนภาพรวมทั้งปี 2567 บริษัทจะพยายามผลักดันให้ผลประกอบการกลับมาเป็นบวก จากการร่วมมือกับซัพลลายเออร์จัดกิจกรรมทางการตลาด หรือ ออกบูธ จะทำให้บริษัทมีรายได้อื่น หรือรายได้จากค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ให้เพิ่มขึ้น
“เศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้เริ่มขยับตัว ราคายางก็สูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ หรือการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เรามองไตรมาส 1 ปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน จากทั้งเศรษฐกิจ การใช้จ่ายผู้บริโภค และสาขาที่เรามีมากขึ้น โดยไตรมาส 1/2566 เรามีสาขาอยู่ที่ 33 สาขา แต่ในไตรมาส 1 ปีนี้เรามีสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 36 สาขา ดังนั้นยอดขายจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับจำนวนสาขา” นายกวิศพงษ์ กล่าว
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจปี 2567 บริษัทจะขยายสาขาต่อเนื่อง บริษัทมีแผนจะขยายเพิ่มในปี 2567 อีก จำนวน 2 สาขา และจะใช้เงินขยายสาขารวม 30 ล้านบาท แบ่งเป็นการขยายละ 15 ล้านบาท
ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าของ KK มาจากผู้บริโภคในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ ส่วนลูกค้า หรือนักท่องเที่ยวจะเป็นยอดขายทางอ้อม เพราะลูกค้าในพื้นที่จะซื้อสินค้าไปจำหน่ายต่อ ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 12% จากปี 2566 ที่ 1.07 พันล้านบาท โดยการเติบโตจะมาจากการขยายสาขาใหม่ รวมถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจจาการภาครัฐ
บริษัทคาดงบประมาณภาครัฐ มีการปรับฐาน และคาดจะออกมาในเร็วนี้ๆ หากเป็นไปตามแผนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้รับอานิสงส์จากนโยบายรัฐ สำหรับสินค้าที่เป็นยอด Top Sale คือสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม นม และกลุ่มเครื่องปรุงอาหาร ยอดขายของบริษัท 65% จะมาจากสินค้าของกิน และ 35% มาจากสินค้าของใช้
ขณะที่แนวโน้มต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ คาดจะเพิ่มขึ้น จากต้นทุนค่าไฟฟ้า เงินเดือนพนักงาน แต่หากดูทิศทางยอดขายจากทุกสาขาแล้ว คาดต้นทุนจะขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน อนึ่งปี 2566 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,072.88 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 4.47 ล้านบาท
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม